• หน้าแรก

  • ประวัติความเป็นมา และวัตถุประสงค์มูลนิธิฯ

ประวัติความเป็นมา และวัตถุประสงค์มูลนิธิฯ

  • หน้าแรก

  • ประวัติความเป็นมา และวัตถุประสงค์มูลนิธิฯ

ประวัติความเป็นมา และวัตถุประสงค์มูลนิธิฯ

มูลนิธิจิตสู่จิต-พระสัทธรรมฯได้รับการจัดตั้งขึ้นในปี 2553 ภายใต้ดำริของ ท่านวรินทร์โธ อาจารย์ใหญ่มูลนิธิจิตสู่จิต-พระสัทธรรมฯ ผู้มีประสบการณ์ฝึกจิตปฏิบัติธรรมตามแนวทางพระพุทธองค์รูปแบบต่างๆมากว่า 40 ปี และได้เริ่มดำเนินงานเผยแผ่โดยคณะฆราวาสตามจุดฝึกต่างๆทั่วประเทศตั้งแต่ปี 2554 (ปัจจุบัน มีจุดฝึกจิตทั้งหมด 2 แห่ง) เพื่อการเผยแผ่องค์ธรรม"ภาคจิตหนึ่ง"ของพระพุทธศาสนา อันมีองค์ธรรมหลักคืออริยสัจ 4 และมรรคมีองค์ 8 การแผ่เมตตาแบบจิตสู่จิต-พระสัทธรรมฯ อันเป็นองค์ธรรมขั้นต้น และภาค “พระสัทธรรมปุณฑริกสูตร” อันเป็นองค์ธรรมเบื้องสูง

ท่านวรินทร์โธ ได้ประยุกต์องค์ธรรมและองค์วิชาที่ท่านได้ศึกษามา จัดเป็นหลักสูตรฝึกจิตแบบสำเร็จรูปสำหรับฆราวาสเพื่อให้ฝึกปฏิบัติได้ง่ายขึ้น รับผลไวขึ้น สามารถสำเร็จได้ทันในชาติเกิดที่ฝึกนี้ อันสอดคล้องกับวิถีโลกของคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน ภายใต้วิธีการ"จิตสู่จิต"อันเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวที่ไม่เหมือนสายธรรมอื่นใดในประเทศไทย อีกทั้งคณะเผยแผ่ก็เป็นฆราวาสทั้งหมดส่งผลให้การดำเนินงานมีความคล่องตัว โดยการอบรมจะดำเนินการผ่านหลักสูตรฝึกจิตมาตรฐาน 8 หลักสูตร

ทั้ง 8 หลักสูตรนี้มี หัวใจหลักของการปฏิบัติอยู่ที่การ น้อม-แผ่เมตตาแบบจิตสู่จิต (แผ่เมตตาด้วยจิตอันกว้างขวางและมีกำลัง) โดยที่ในหลักสูตรชั้นต้นจะมีอาจารย์ใหญ่คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี การน้อม-แผ่เมตตาแบบจิตสู่จิต นั้นเป็นการฝึกจิตในแนวกว้างขวางให้ผู้ปฏิบัติสามารถแผ่เมตตาอย่างมีประสิทธิภาพให้ครอบคลุมทั้ง 31 ภพภูมิ ซึ่งอานิสงส์ของการแผ่เมตตาที่มีพลังนี้จะทำให้ผู้ฝึกสามารถฝึกทั้งสติและสมาธิ เจริญเมตตา และเพิ่มการละวางให้กับจิตได้ไปพร้อมๆกัน รวมถึงยังสามารถขอให้เจ้ากรรมและนายเวรอโหสิกรรมที่สะสมมาได้ ยังผลให้การฝึกจิตมีความก้าวหน้า การแผ่เมตตาบ่อยๆนั้นยังส่งผลให้ผู้อยู่รอบข้างไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือดวงจิตประสบแต่ความร่มเย็นเป็นสุข

องค์วิชาจิตสู่จิตนั้นเป็นวิธีการฝึกจิตที่เหมาะสมกับผู้ที่มีเวลาจำกัด ไม่สามารถลางานหรือเดินทางได้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นแนวทางการฝึกจิตที่กระทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่มีค่าใช้จ่าย และเมื่อผนวกรวมกับชั้นเรียนมาตรฐาน 8 ระดับทั้งในภาคสนามและในห้องไลน์ที่ผู้ฝึกสามารถถามคำถามและสื่อสารกับโค้ชได้ตลอดเวลา ทำให้การฝึกฝนทำได้สะดวก เป็นขั้นเป็นตอน นอกจากนี้หากผู้ฝึกสนใจปฏิบัติตามแนวทางของมูลนิธิจนเข้าหลักสูตร ระดับ 2 เป็นต้นไปก็จะได้รับการการประเมินผลพัฒนาการของจิตไปเป็นระยะอีกด้วย จะให้ได้ว่าการฝึกจิตกับมูลนิธิฯ นั้นมีเส้นทางการเดินที่ชัดเจนและเป็นระบบ

ปัจจุบัน มูลนิธิฯดำเนินการจัดตั้งเป็นมูลนิธิเพื่อการเผยแผ่องค์ธรรมข้างต้นเรียบร้อย

    

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์